สุดที่ชัง – พราภัค
สำหรับผู้ชายปากอย่างใจอย่าง หากเขาพูดว่า ‘ชัง’ ก็แปลว่ากำลังบอก ‘รัก’
“ฉันไม่ได้รักคุณ” “เหรอ” “ฉันไม่ได้รักคุณเลย ต่อให้วันนี้คุณหาวิธีบีบเอาฉันไปอยู่กับคุณได้ คุณก็ไม่มีความสุขหรอก” “อาฮะ” ประดาดาวเม้มปากแน่นเมื่อเขาทำเป็นเล่นทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ นอกจากจะรังควานชีวิตคนอื่นเก่งแล้วยังจะ… “คุณน่ะหน้าด้านรู้ไหม” “มากมั้ย” “คุณโซ่!” หญิงสาวแผดเสียงเรียกชื่อเขา
“กอดต้อยทำไมคะ” “อยากกอดครับ” ศกุนตลาจนด้วยคำพูดเพราะเธอเป็นคนไปถึงเนื้อถึงตัวเขาก่อน โดยไม่คิดว่าผลของการกระทำจะสะท้อนเข้าหาตัวได้ไวทันตา แล้วยังสนองกลับมามากกว่าที่เธอทำลงไปด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงไม่มีหน้าจะห้ามปรามเมื่อเขาทำบ้าง และในขณะที่หญิงสาวกำลังบรรจงคีบปูม้านึ่งใส่จานเปล
“พี่เคยบอกแล้วใช่ไหมว่า…” “ห้ามคบผู้ชายถ้ายังเรียนไม่จบ” สาวน้อยลอยหน้าลอยตาช่วยต่อประโยคประกาศิตของพี่ชายให้ครบถ้วน “ไม่ต้องย้ำ น้องดาจำได้ รับรองว่าอีกหนึ่งอาทิตย์สุดท้ายนี่จะจดจ่อนับถอยหลังรอเลยล่ะ” “น้องดา!” ไพทีส่งเสียงเตือนให้เธอระวังถ้อยคำที่ฟังดูเหมือนกำลังท้าทายเขา
“เอาของคุณคืนไป!” เธอหมายถึงแหวนเพชรที่เพิ่งถูกสวมให้สดๆ ร้อนๆ แล้ววารุณอรก็ต้องผงะไปบ้างเมื่อจู่ๆ ร่างสูงใหญ่นั่นหมุนตัวกลับมา “พูดแล้วห้ามคืนคำ” “อะไร” “ที่ว่าให้เอาของผมคืน” “ก็ใช่…” “ผมมาทวงของของผมคืนแล้ว และผมต้องได้มันกลับไป” เขากำลังประกาศว่า ‘ของ’ ชิ้นสำคัญนั้นคือตัวเธอใช่ไหม
หยาบคาย ไพร่ สถุน ไม่มีสกุลรุนชาติ… นั่นคือคุณสมบัติของสามีในอุดมคติของเธอซะที่ไหน หญิงสาวอยากให้เรื่องนี้เป็นเพียงแค่ฝันร้ายก็พอ “พรำอยู่ไหน มาให้ผัวจับนมหน่อยซิ” พิรุณรดาฟังแล้วแทบจะร้องไห้ นี่น่ะหรือรางวัลสำหรับผู้หญิงที่รอคอยคู่หมั้น จนถูกครหาว่าเป็นหม้ายขันหมากมานานหลายปี
“ตรงนี้ของพี่” ชายหนุ่มรำพึงรำพันเช่นนั้นในตอนที่รวบกอดเอวบางไว้ แล้วก้มลงไปฝังใบหน้ากับทรวงอกขวา ก่อนจะขยับย้ายมาทางซ้ายให้เห็นว่ารักอย่างเท่าเทียมกัน “นี่ก็ของพี่” ปลายจมูกโด่งนั้นซุกซอนจมหายลงไปกับก้อนเนื้อนุ่มหยุ่น จนหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของมันทั้งคู่ไม่รู้จะทำหน้ายังไง
ธนัท… ชายหนุ่มมาดเท่ผู้มีชีวิตทั้งด้านสว่างและด้านมืด กลางวันเขาเป็นเจ้าของบริษัทออกแบบตกแต่งบ้าน ตกกลางคืนต้องดูแลธุรกิจสถานบันเทิงชื่อดัง เมื่อเขาดันตกหลุมรักเทพธิดาตัวน้อย จึงไม่แปลกที่บรรดาน้องชายของเธอจะหมายหัวไว้ว่า เขาคือตัวอันตรายสำหรับศศเนตร
แก้วนางไม่คิดอาจเอื้อมรักผู้ชายอย่างเขา เพราะเธอเข้ามาในฐานะของ ‘ตัวล้างหนี้’ เท่านั้น “ไหนเธอว่าสี่เดือนไม่ใช่เหรอ ทำไมหมอที่มาตรวจบอกว่าห้าเดือนแล้วล่ะ” “ฉันคงจำผิดเองล่ะค่ะ” หญิงสาวตอบส่งๆ ไป รู้สึกชังน้ำหน้าพ่อของลูกขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ “ถ้าอย่างนั้นเด็กในท้องก็อาจจะเป็นลูกฉันน่ะสิ”
“ก็ถ้าไม่โง่จะขายทุกอย่างจนตัวเองตกที่นั่งลำบากแบบนี้เหรอ” “เรื่องของอ้าย” เธอสะอื้นไห้อย่างสิ้นอายและไร้ทางสู้ “ขายบ้าน ขายร้าน หรือขายหุ้นจนหมดแล้วจะทำไม อ้ายไม่ขายตัวก็แล้วกัน” พอได้ยินถ้อยคำประชดจี้ใจดำทำนองนั้นเข้าเขาก็บันดาลโทสะ “งั้นก็ขายซะ”
เขาจะทำอย่างไร ถ้าผู้หญิงใจแตกในครั้งแรกที่เจอ กับผู้หญิงที่เผลอรัก เป็นคนๆ เดียวกัน “ทำไม บุบสลายตรงไหน…หรือถ้าจะบอกว่าเสียหาย มันก็เป็นมาก่อนตั้งแต่ผมยังไม่นอนกับคุณแล้วไม่ใช่เหรอ” คนอื่นอาจจะอ้อมค้อมเรียกกันแบบรักษาน้ำใจ ว่าเป็นเด็กสาวขาดความรักความอบอุ่นหรืออะไรก็ตามแต่ ทว่าสำหรับเขา…
“เธอ!” “คะ?” แล้วหญิงสาวก็เงยมองใบหน้าเฉยเมยของเขาสักทีหลังจากที่ถูกเรียกซ้ำๆ “ถามว่าชื่ออะไร” “เอ่อ…” เธอกะพริบตาปริบๆ ให้ผู้ชายที่ผ่านการร่วมอภิรมย์กันมา ถึงสองเตียงอย่างกระอักกระอ่วนในอก “ไหมค่ะ” แค่พยักหน้าว่ารับทราบหน่อยก็ไม่ได้ หญิงสาวจึงรู้สึกหวั่นเกรงจนเกร็ง และแอบนึกค่อนขอด
“น้องพิ้งค์ยังเด็ก ยังไม่ควรมีความรัก…” “น้องพิ้งค์ไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้วค่ะ มีความรักได้” “รักใคร!” “น้องพิ้งค์จะรักชอบใครก็ไม่เกี่ยวกับพี่นัน” คำตอบที่ได้กระแทกใจชายหนุ่มเข้าเต็มแรงเช่นกัน รู้สึกประหนึ่งโดนลากไปประหัตประหารทรมานทั้งเป็น นี่แพรแพรวเห็นเขาเป็นอื่นแล้วอย่างนั้นหรือ
หากรู้ว่าจะถูกเกลียดชังจนไม่อยากมองหน้า เมื่อเจ็ดปีที่แล้วแสงคงไม่กล้าคิดทำลาย เลือดเนื้อเชื้อไขของเขาและเธออย่างเด็ดขาด “ถ้าแต่งงานเมื่อไหร่อย่าลืมเชิญฉันด้วยล่ะ” แล้วเธอจะง้อพ่อหม้ายลูกติดอย่างเตมีย์เช่นไร หรือต้องถูกผลักไสตราบจนสิ้นลมหายใจ ก็ไม่มีวันได้ความรักกลับคืน
ใครจะคาดคิดว่าวันหนึ่งเจ้ากระต่ายน้อยจะมีโอกาสได้สัมผัสดวงจันทร์ที่หมายปอง จนในที่สุดฟ้าก็ส่งลูกกระต่ายตัวจ้อยมาเป็นแก้วตาดวงใจของเธอ “มันเป็นความผิดของฉันเหรอ เธอแอบซ่อนลูกของฉันไว้นานเท่าไหร่ นี่ถ้าฉันไม่รู้เองเธอก็คงปล่อยให้ลูกฉันเป็นเด็กกำพร้าพ่อ”